NISSAN (N.I.D.E.) GO ANYWHERE คาราวานคลุกฝุ่น ลุยครบรส @ ประเทศเมียนมาร์ (PART 1)

ปิดทริปเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตได้อย่างงดงาม กับกิจกรรม นิสสัน คาราวาน ร่วมพิสูจน์สมรรถนะการขับขี่ “นิสสัน นาวารา, นิสสัน เอ็กซ์เทรล และนิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ พร้อมร่วมตีโจทย์สำคัญ กับคำว่า “ลุยได้ทุกที่” บนเส้นทางที่แฝงไว้ด้วยความน่าสนใจ น่าตื่นเต้นเร้าใจ และยากที่จะเข้าถึงได้ ณ ประเทศเมียนมาร์ ประเทศที่มิได้มีสถานที่ท่องเที่ยวเพียงแค่วัดและเจดีย์ แต่เพื่อนบ้านของเราแห่งนี้ยังมีวัฒนธรรม-วิถีชีวิตที่โดดเด่น น่าหลงใหล

..เรามาร่วมค้นหามนต์เสน่ห์แห่งอารยะธรรมเมียนมาร์ และร่วมพิสูจน์กันว่า นิสสัน คาราวานทริปนี้ จะพาคุณไป ได้ทุกที่..จริงหรือไม่?!?

นับเป็นเวลา 11 วัน 10 คืน บนระยะทางรวมทั้งหมดกว่า 3,000 กม. เริ่มต้นจากทางตอนใต้ขยับจุดหมายไล่เรียงขึ้นมาตามแผนที่จนถึงตอนเหนือของประเทศเมียนมาร์ ที่ นิสสัน ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมกระตุกต่อมอินเดียน่าโจนส์ขึ้น ด้วยแนวคิด “Nissan Intelligent Driving Experience (NIDE) Go Anywhere” เพื่อพิสูจน์ศักยภาพของรถกระบะ “นิสสัน นาวารา แบล็ค เอดิชั่น ปี 2019 ใหม่” รถเอสยูวีสำหรับชีวิตคนเมืองอย่าง “นิสสัน เอ็กซ์เทรล ใหม่” และ “นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่” รถอเนกประสงค์แบบตัวถังบนแชสซี ด้วยการชวนสื่อมวลชนสายยานยนต์และสายไลฟ์สไตล์มาร่วมการผจญภัยไร้ขีดจำกัด สร้างปรากฎการณ์ครั้งประวัติศาสตร์กับกิจกรรมการทดลองขับในรูปแบบคาราวานลุยข้ามประเทศ เปิดประตูสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

N.I.D.E. CARAVAN Group 1 : ระยะทางรวม 1,029 กิโลเมตร
กรุงเทพฯ – บ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี – ทวาย – เมาะลำเลิง – บาโก – ย่างกุ้ง

โดยกลุ่มแรกเริ่มต้นจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่จังหวัดกาญจนบุรี ด่านพรมแดน ณ บ้านพุน้ำร้อน ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเมืองทวาย และเดินทางต่อไปยังนครย่างกุ้งด้วยพระเอกประจำทริป นั่นคือ รถกระบะนาวารา แบล็ค เอดิชัน ใหม่ ที่เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะและรูปลักษณ์ใหม่ที่โดดเด่น ตลอดจนระบบอินโฟเทนเมนท์ล่าสุดแบบ Alliance In-Vehicle Infotainment (A-IVI) ที่รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ เรียกได้ว่า Group 1 ลุยเต็มพิกัดบนทางฝุ่นยาว ๆ 100 กิโลเมตร เส้นทางที่ยากจะเข้าถึงชนิดไม่มีโชว์กันบนแผนที่ Google Map พร้อมเส้นทางคดเคี้ยวขรุขระปีนไต่เขาสูงสลับทางเรียบในช่วงเมืองย่างกุ้ง

N.I.D.E. CARAVAN Group 2 : ระยะทางรวม 866 กิโลเมตร
ย่างกุ้ง – เนปิดอร์ – มัณฑะเลย์

ขณะที่กลุ่มที่ 2 ควบพระเอกประจำทริปอย่าง นิสสัน เอ็กซ์เทรล ใหม่ จากนครย่างกุ้งสู่มัณฑะเลย์เพื่อเน้นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีจาก นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control) เทคโนโลยีเตือนเมื่อมีวัตถุอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Warning) เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning) เทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning) และเทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert) ซึ่งทั้งหมดนี้ ช่วยยกระดับความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการเดินทางครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี บนเส้นทางแบบไฮเวย์วิ่งกันตรง ๆ ยาวๆ จากนครย่างกุ้งสู่มัณฑะเลย์ซึ่งควบคุมความเร็วระหว่างการเดินทางไม่เกิน 90 กม./ชม.

: เวลาที่ประเทศเมียนมาร์จะช้ากว่าประเทศไทย 30 นาทีโดยประมาณ

N.I.D.E. CARAVAN Group 3 : รับไม้ต่อ วิ่งกันยาวๆ ระยะทางรวม 1,092.9 กม.

DAY 1 สนามบินมัณฑะเลย์ – เมืองมัณฑะเลย์ 44 กม.

จากสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย มุ่งหน้าสู่สนามบินมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ ลาลาลอยกันอยู่บนท้องฟ้านานร่วม 1 ชม. 30 นาที กับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ และเมื่อล้อเครื่องบินแตะพื้นรันเวย์ นั่นหมายถึง ทีมงาน iSpeedEgazine.com พร้อมคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 3 พร้อมรับไม้ต่อจากกลุ่ม 2 ทันที

เริ่มต้นการเดินทางกันที่สนามบินมัณฑะเลย์ ณ เวลา 19.00 น. ฝูง Nissan Caravan จอดเรียงรายรออยู่บริเวณหน้าสนามบินเตรียมมุ่งหน้าสู่ร้านอาหารต้มยำกุ้ง 3 ณ สถานีบริการน้ำมัน High Way เพื่อรับประทานอาหารมื้อค่ำมื้อแรกบนแผ่นดินเมียนมาร์ พร้อมรับบรีฟเส้นทาง-กฏกติกาการขับขี่ และร่วมทำความรู้จักกันอย่างใกล้ชิดกับท่านประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย นายราเมช นาราสิมัน พร้อมด้วยทีมงาน Nissan Products Communication จากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่โรงแรมที่พัก “โรงแรมเมอร์เคียว มัณฑะเลย์ ฮิลล์” ณ เมืองมัณฑะเลย์ โดยระหว่างทางกว่า 40 กิโลเมตร ถือเป็นการปรับตัวเบื้องต้นก่อนออกเดินทางกันแบบยาว ๆ ในวันรุ่งขึ้น เรียกว่าต้องหมั่นท่องจำกันให้ขึ้นใจ ตลอด 5 วัน 4 คืน กับคำว่า “เลี้ยวขวาชิดขวา เลี้ยวซ้ายชิดขวา เมียนมาร์ใช้รถพวงมาลัยซ้ายแต่ขับเลนขวา”

: มร.ราเมช นาราสิมัน ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ให้เกียรติกล่าวต้อนรับและร่วมเดินทางไปกับ N.I.D.E. Caravan Group 3
: นายชยภัค ลายสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไปสายงานสื่อสารผลิตภัณฑ์ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

DAY 2 มัณฑะเลย์ – ทะเลสาบอินเล 332.9 กิโลเมตร

ร่ำลือกันว่าทริปสุดท้ายนี้เส้นทาง “โหดจัด หินจัด ไกลจัด..ปลัดยังอยากหนีกลับบ้าน” ว่าแล้วก็ได้ฤกษ์ลุยกันตั้งแต่เช้าตรู่ไปกับพระเอกของ Group 3 “นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่” No.01 โดยช่วงแรกก่อนออกจากเมืองมัณฑะเลย์ คณะนิสสัน คาราวานได้เยี่ยมชมความงดงามของ “เจดีย์กุโสดอว์” สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศเมียนมาร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “หนังสือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” จากการสังคายนาพระไตรปิฏก และได้มีการจารึกข้อความทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนแผ่นหินอ่อนขนาดใหญ่จำนวน 729 แผ่น ซึ่งตั้งอยู่รายล้อมพระเจดีย์

ตามประวัติความเป็นมา “เจดีย์กุโสดอว์” ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1857 โดย มร.กวาง ไกด์หนุ่มชาวเมียนมาร์เล่าว่าช่วงนั้นเป็นช่วงเดียวกับที่มีการก่อสร้างพระราชวังมัณฑะเลย์รวมถึงการสร้างเมือง ในสมัยนั้นพระเจ้ามินดงใช้เมืองมัณฑะเลย์เป็นเมืองหลวง จุดประสงค์เพื่อใช้เป็นอนุสรณ์สถานในการสังคายนาพระไตรปิฏกนับเป็นครั้งที่ 5 ของโลก โดยลักษณะของตัวเจดีย์เป็นสีทอง มีความสูง 30 เมตร รายล้อมด้วยมณฑปสีขาวทั้ง 4 ทิศ ซึ่งภายในเป็นที่ประดิษฐานของแผ่นหินอ่อนที่ใช้จารึกข้อความจากพระไตรปิฏก

: พุทธศาสนิกชนเดินทางมาสักการะ “เจดีย์กุโสดอร์ “เมืองมัณฑะเลย์ งดงามอลังการตามอารยะสถาปัตยมอญ
: มณฑปสีขาวรายล้อมทั้ง 4 ทิศ งดงามยิ่งนัก

สำหรับสถาปัตยกรรมการก่อสร้างเจดีย์ หรือ วัดในเมืองมัณฑะเลย์ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลมาแบบกึ่งมอญกึ่งพม่า โดยวัฒนธรรมพื้นฐานของชาวเมียนมาร์ส่วนใหญ่จะได้มาจากชาวมอญ การสร้างเจดีย์ทรงระฆังคว่ำที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของพวกเรานั้น ถือเป็นการรับเอาอารยธรรมของชาวมอญมา นับตั้งแต่ยุคอาณาจักรพุกาม หรือ ตะริมันตระปุระ อาณาจักรโบราณที่เป็นราชวงศ์แห่งแรกในประวัติศาสตร์พม่า ที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 และเป็นยุคที่พระพุทธศาสนารุ่งเรืองมาก ดังจะเห็นได้จากเจดีย์สี่พันองค์ที่มีอยู่ทั่วทั้งอาณาจักร ((N.I.D.E. กลุ่ม 2 ได้มีโอกาสเยี่ยมชม)) แต่ก็ได้ล่มสลายไปจากการถูกกองทัพมองโกลโจมตี คงเหลือไว้เพียงร่องรอยอารยธรรมในอดีตให้เราเห็นเท่านั้น

ทั้งนี้ พระเจ้ามินดง จึงได้เลียนแบบ เจดีย์ชเวสิกองในเมืองพุกาม นำมาจำลองไว้ที่ เมืองมัณฑะเลย์ ณ
วัดกุโสดอร์หรือเจดีย์กุโสดอร์แห่งนี้ และนอกเหนือจากมณฑปสีขาวแล้วยังมีต้นพิกุลยักษ์ที่ปลูกไว้เพื่อให้ร่มเงาแก่ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมและศึกษาพระธรรม ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ด้วย

: ถนนไฮเวย์สาย 1 ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สำหรับการเดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแทบทุกแห่งในประเทศเมียนมาร์นั้น กฎข้อบังคับที่นักท่องเที่ยวทุกคนควรทำความเข้าใจและใส่ใจให้จงหนัก นั่นคือ การเข้าพุทธสถาน วัดหรือเจดีย์ทุกแห่งห้ามบุรุษใส่กางเกงขาสั้น ส่วนสตรีห้ามนุ่งสั้น เสื้อเกาะอก สายเดี่ยว เอวลอยเด็ดขาด ที่สำคัญคือ ต้องถอดรองเท้า ถุงเท้าออกก่อนทุกครั้ง นักท่องเที่ยวจึงควรสวมใส่รองเท้าที่สามารถถอดเข้า-ออกได้ง่าย และควรพกถุงใส่รองเท้าติดตัวไว้ทุกเมื่อ เพื่อป้องกันไม่ให้รองเท้าสูญหาย

และแม้ว่าสถานที่ต่างๆ ในประเทศเมียนมาร์ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม และร้านอาหาร จะรับชำระเงินทั้งในสกุลจ๊าด และสกุลดอลล่าร์ได้ แต่สำหรับการใช้จ่ายแบบทั่วไป เช่น การซื้อของกินข้างทาง การขึ้นรถ หรือการชำระค่าอาหาร ควรจ่ายเงินเป็นสกุลจ๊าดจะได้เรทที่ค่อนข้างดีกว่าการจ่ายเป็นสกุลดอลล่าร์

ณ วันที่ทีมงาน iSpeedEgazine.com เดินทางไป ได้ลองแลกเงินสกุลจ๊าดกับไกด์ทัวร์เมียนมาร์ไว้
1,000 บาท = 40,000 จ๊าด(Ks.) หรือคิดง่าย ๆ คือ 1 บาท = 40 จ๊าด (Ks.) สินค้าและบริการทุกประเภทที่เมียนมาร์ให้นำ 40-42 จ๊าด มาหารออก อาทิ ขนมปัง 1 ชิ้น ราคา 900 จ๊าด(Ks.) = 22 บาท ซึ่งราคาถือว่าสูสีกับไทยอยู่เหมือนกัน

: 1,000 บาท เท่ากับ 40,000 จ๊าด
: ค่าผ่านทางถนนไฮเวย์สาย 1 ใช้เงิน 2,000 จ๊าด หรือประมาณ 50 บาท

หลังจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมัณฑะเลย์เรียบร้อยแล้ว ชาวคาราวานนิสสันก็เริ่มขยับออกนอกเมืองมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบอินเล รัฐฉาน ในช่วงแรกเป็นทางแบบไฮเวย์ยาวประมาณ 130 กิโลเมตร ช่วงนี้บังคับใช้ความเร็วระหว่างเดินทางไม่เกิน 90 กม./ชม. เนื่องจากกฏจราจรของประเทศเมียนมาร์ค่อนข้างเข้มงวดกวดขันมาก หากทำผิดมีสิทธิถูกจับปรับทัศนคติ ในเบื้องต้นไกด์ชาวเมียนมาร์แจ้งว่าจะถูกอบรมเรื่องการขับขี่ กฎจราจรนานกว่าครึ่งวันทำการ เสียทั้งเวลาเสียทั้งค่าปรับ ไม่คุ้มหากจะทำผิดกฎจราจรที่ประเทศนี้ หรือแม้ประเทศไหนๆ ก็ตามที

หลังจากนั้นชาวคาราวานก็แวะรับประทานอาหารกลางวันแบบรวดเร็ว กันที่ Feel Express แอบชิมมะม่วงพื้นถิ่น “Sein Ta Lone” อ่านว่า เซ็งตะโลง เก็บรสชาตหวานๆ เนื้อแน่นๆ กว่ามะม่วงน้ำดอกไม้ติดริมฝีปากมาเล็กน้อย ตามด้วยยืนเวียนหัวนิดๆ หน่อย ๆ จากกลิ่นทุเรียนปลาร้าสุดชีวิตที่ร้านค้าหน้าศูนย์อาหาร บอกตามตรงเกือบเป็นลมเชียว!!

จากจุดแวะพักก็เดินทางกันต่อบนเส้นทางบนเทือกเขาแบบลูกรังขรุขระ คดเคี้ยว คับแคบแบบ 2 เลนสวนไป-กลับ โดยระหว่างทางมีการก่อสร้างเพื่อขยายพื้นผิวทางสัญจรเป็นระยะๆ แต่ด้วยพละกำลังของพระเอกประจำทริป นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ (All New Nissan Terra) ขนาดเครื่อง 2.3 ลิตร ดีเซลเทอร์โบคู่ สามารถรับมือได้กับทุกความท้าทายด้วยสมรรถนะที่ดี เด่นด้านพละกำลังการปีนไต่และให้อัตราเร่งดีต่อเนื่อง จากกำลังม้าสูงสุดถึง 190 แรงม้า และมีแรงบิดสูงถึง 450 นิวตัน-เมตร แม้อยู่ในช่วงขึ้นเขาและต้องการการเร่งแซง ไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่อืดอาดหากใช้ตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสม ((ในบางช่วงต้องใช้โหมดขับขี่แบบแมนนวล ”M Mode” ช่วยในการขับขี่)

: เด็กน้อยชาวเมียนมาร์ขายไข่นกกระทาแถว Feel Express
: อาหารพื้นบ้านเป็ด ไก่ทอดข้างทางสีสันสวยงามน่ารับประทาน

ระหว่างการเดินทางในช่วง 200 กิโลเมตรสุดท้ายก่อนเข้าสู่รัฐฉาน คาราวานนิสสันจำเป็นต้องเพิ่มความเร็วในการเดินทางเพื่อให้ถึงจุดหมาย เพื่อร่วมชมความงดงามของอาทิตย์อัสดง ไฮไลท์สุดโรแมนติกที่คาราวาน N.I.D.E. Group 3 ต้องไม่พลาด!! ณ “ทะเลสาบอินเล” และด้วยสภาพภูมิประเทศของรัฐฉาน เป็นแบบเมืองบนเทือกเขาสูง ซึ่งมีความสูงเหนือจากระดับน้ำทะเล 875 เมตร แวดล้อมไปด้วยทิวเขาสลับซับซ้อน นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ ที่มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบ 5 ลิงค์ (5-link) ถือว่าช่วยลดอาการโคลงตัว หรือ body rolling ได้ค่อนข้างดี ช่วยให้การขับขี่ผ่านทางคดเคี้ยวบนเทือกเขาสูงเป็นไปอย่างราบรื่น และเมื่อทำงานควบคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4H บนทางฝุ่นลาดชันด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เพิ่มความมั่นใจมากขึ้นได้อีกเป็นกอง

แต่ด้วยระยะทาง และสภาพเส้นทางที่ค่อนข้างโหดเหนือธรรมดาบนเทือกเขาสูง ทำให้คาราวาน N.I.D.E. Group 3 ถึงที่หมายล่าช้ากว่าปกติเล็กน้อย ณ โรงแรมฮูปิน อินเล ควง เดียง รีสอร์ต (Hupin Inle Khaung Daing Resort) อดชมบรรยากาศสุดโรแมนติก “ดวงอาทิตย์อัสดงที่ทะเลสาบอินเล” แต่เรากลับได้อีกหนึ่งบรรยากาศน่ารัก ๆ นั่นคือ การรับประทานอาหารร่วมกันท่ามกลางความมืดกับแสงโทรศัพท์ เพราะที่เมียนมาร์นั้นไฟดับเป็นเรื่องปกติ เรียกว่าโรแมนติกไปอีกแบบ ((เดินทางมาเมียนมาร์ทุกครั้งอย่าลืมพกไฟฉายและพัดลมติดมาด้วยนะคะ เนื่องจากที่นี่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากน้ำเป็นหลักและไม่เพียงพอต่อความต้องการสักเท่าไหร่ อันจะเห็นได้จากทุกครัวเรือน จะมีเครื่องปั่นไฟฟ้าวางไว้หน้าบ้านเกือบทุกหลัง))

จบการเดินทางวันที่ 2 กันที่เลขไมล์สวยๆ รวม 332.9 กิโลเมตร กับ นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ ที่สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้ที่ 7.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 13.1 กิโลเมตรต่อลิตร บนเทือกเขาสูงลาดชันส่วนใหญ่

โปรดติดตามชมตอนต่อไป ((เรื่องราวดี ๆ ภาพสวยๆ มีอีกเพียบ))

: ตะวันใกล้ลับขอบฟ้า N.I.D.E. Caravan ยังเหลือระยะทางอีกราว ๆ 40 กม. ถึงจุดหมายทะเลสาบอินเล
: ตลอดการเดินทางใช้เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะแบบเต็มประสิทธิภาพ แม้แบกของเต็มคันรถจนบดบังกระจกบานหลัง เราก็ยังมองเห็นภาพจากท้ายรถได้อย่างชัดเจน
: ถึงที่หมายด้วยระยะทางรวม 332.9 กิโลเมตร@ทะเลสาบอินเล
: โรงแรมฮูปิน อินเล สวยงามยามโพล้เพล้
: ความงดงามยามค่ำคืนของบูติครีสอร์ทเบอร์ต้นของทะเลสาบอินเล

***ขอขอบคุณ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ที่เปิดโอกาสให้ทีมงาน iSpeedegazine.com ได้เข้าร่วมกิจกรรมเปิดประสบการณ์ในครั้งนี้

Nissan (N.I.D.E.) Go Anywhere
คาราวานคลุกฝุ่น ลุยครบรส @ ประเทศเมียนมาร์