All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV เคาะราคาตามคาด 1,699,000 บาท เสียดายมาดี แต่ไม่มี V2L

กรุงเทพฯ – 7 ตุลาคม 2565 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว All New HAVAL H6  Plug-in Hybrid SUV ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ชูแนวคิด “Future Transformed” ที่ผสานดีไซน์ ขุมพลัง และเทคโนโลยีล้ำสมัยแห่งอนาคตไว้ในหนึ่งเดียว สะท้อนมิติใหม่ที่เหนือชั้นของรถยนต์ Plug-in Hybrid โดยประกาศราคาจำหน่ายที่ 1,699,000 บาท ยกกำลังความร้อนแรงกับแคมเปญ PREMIERE DEAL สุดพิเศษที่มาพร้อมกับสิทธิ์ประโยชน์เร้าใจมากมายสำหรับแฟนพันธุ์แท้รวมมูลค่ากว่า 167,000 บาท สำหรับผู้ที่จองรถตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 20:00 น. จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอลงทะเบียนทดลองขับได้ที่ GWM Partner Store ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2565 ถึง 7 พฤศจิกายน 2565 (เฟสแรก) ก่อนจะเริ่มทยอยส่งมอบรถล็อตแรกในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ตอกย้ำความสำเร็จต่อเนื่องของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) ที่มุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและการบริการที่ดีเยี่ยมโดยยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และพร้อมเดินหน้าผลักดันประเทศไทยสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตอย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับลูกค้าที่จองสิทธิ์ ULTRA DEAL ในระหว่างวันที่ 17 กันยายน 2565 เวลา 00.00 น. ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2565 เวลา 18.00 น. และชำระเงินมัดจำจำนวน 10,000 บาท ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ (ภายในวันที่ 7 ตุลาคม 2565 เวลา 20.00 น. ถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2565 เวลา 19.59 น.) จำนวน 300 ท่านแรก จะได้รับส่วนลดในการซื้อรถยนต์ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV มูลค่า 50,000 บาท โดยบริษัทฯ จะยึดเวลาที่ทำการจ่ายเงินมัดจำสำเร็จเป็นหลักในการมอบสิทธิ์พิเศษนี้ให้กับลูกค้า ซึ่งถ้าลูกค้าท่านใดทำการสละสิทธิ์หรือถอนการจองภายหลัง จะไม่สามารถกลับมารับสิทธิ์ได้ใหม่ และทางบริษัทฯ จะไม่มีการเพิ่มรายชื่อลูกค้าท่านอื่นในลำดับถัดไปเข้ามาทดแทน

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV ที่เปิดตัวในวันนี้ เป็นรถยนต์รุ่นที่ 5 ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เลือกนำมาเปิดตัวในประเทศไทย และยังเป็นรถยนต์เอสยูวีพลังงานไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กที่มาแรงอีกหนึ่งรุ่นของแบรนด์ HAVAL ซึ่งเคยสร้างกระแสมาแล้วจากการเผยโฉมครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเป็นที่จับตามองของแฟนพันธุ์แท้และกูรูวงการรถยนต์ไฟฟ้ามาตลอด ล่าสุดมียอดจองสิทธิ์จากแคมเปญ ULTRA DEAL มากกว่า 7,000 สิทธิ์แล้ว สะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ล้ำสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแลดล้อม เราจึงมั่นใจว่า All New HAVAL H6  Plug-in Hybrid SUV ซึ่งมาพร้อมความโดดเด่นทั้งด้านรูปลักษณ์ สมรรถนะ ฟังก์ชั่นอัจฉริยะที่เป็น Best-in-class และ First-in-class และระยะทางการวิ่งในโหมดอีวีสูงถึง 201 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ (ตามมาตรฐาน NEDC) นี้ ไม่เพียงจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ยังมอบความสนุกสนานตอบโจทย์การขับขี่ที่หลากหลายของผู้บริโภคชาวไทย และเป็นส่วนสำคัญต่อการเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าไทย รวมถึงผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน”

“เกรท วอลล์ มอเตอร์ ดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีอัจฉริยะ พันธกิจของเราจึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการระดับคุณภาพให้แก่ผู้ขับขี่ชาวไทยเท่านั้น แต่ยังต่อยอดไปถึงการวางสถานะเชิงกลยุทธ์ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัยและการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ เราได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไปแล้วรวมทั้งสิ้น 5 รุ่น ตามลำดับ ได้แก่ All New HAVAL H6 Hybrid SUV, ORA Good Cat, All New HAVAL JOLION Hybrid SUV, ORA Good Cat GT และล่าสุดกับ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV โดยปัจจุบันรถยนต์ของเราได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทยแล้วรวมกว่า 11,796 ครอบครัว (ตัวเลข ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565) เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงยังเดินหน้าพัฒนาระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น ผ่านการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคุณภาพหลากหลายรุ่น การขยายเครือข่าย GWM Store และจุดบริการชาร์จประจุไฟฟ้าให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ รวมไปถึงการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางเพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง”​นายณรงค์ กล่าวเสริม

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศราคารถยนต์ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการภายใต้นโยบาย “ONE PRICE” ซึ่งจะเป็นราคาเดียวกันในทุกช่องทางการจำหน่ายทั่วประเทศ อยู่ที่ 1,699,000 บาท โดยลูกค้าจากแคมเปญ ULTRA DEAL ในระหว่างวันที่ 17 กันยายน 2565 เวลา 00.00 น. ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2565 เวลา 18.00 น.สามารถชำระเงินจองเพื่อรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป สำหรับลูกค้าที่ต้องการสั่งจองหลังจากช่วงประกาศราคาอย่างเป็นทางการ คือตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม เวลา 20.00 น.จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ผ่านทาง GWM Application และเว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขอมอบสิทธิพิเศษกับแคมเปญ PREMIERE DEAL สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับสิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าและผู้สนใจซื้อในช่วงเปิดตัว ไม่ว่าจะเป็น

ดอกเบี้ยพิเศษ  1.89% นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25%

ฟรี ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี มูลค่าสูงสุด 30,000 บาท

ฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมการติดตั้งในระยะสายไฟยาวไม่เกิน 20 เมตร (จากตู้เมน) จำนวน 1 ครั้ง (ไม่รวมค่าแท่นชาร์จ) มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท

 ฟรี น้ำมันรถยนต์ มูลค่ารวมสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

ฟรี แพ็คเกจค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง (GWM Pro Service Inclusive – GPSI) สูงสุด 10 ครั้ง ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รวมมูลค่า 37,000 บาท

ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง ฟรี 5 ปี มูลค่า 10,000 บาท

ฟรี สิทธิ์ในการเรียกใช้บริการรับ (Pickup Service) หรือบริการส่งรถยนต์ (Delivery Service) เพื่อเข้ารับบริการบำรุงรักษาตามระยะทาง หรือบริการบำรุงรักษาตามระยะทางนอกสถานที่ (GWM mobile service) จำนวน 2 ครั้ง รวมมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 1,500 บาท

ฟรี กรอบป้ายทะเบียนและพรมปูพื้น GWM มูลค่ารวม 2,050 บาท

ฟรี คะแนน GWM Point เพื่อใช้แลกสินค้าและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ใน GWM Application จำนวน 15,000 คะแนน

รวมมูลค่าข้อเสนอสุดพิเศษภายใต้แคมเปญ PREMIERE DEAL กว่า 167,000 บาท

All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV มาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร และการรับประกันแบตเตอรี Plug-in Hybrid เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร

ลูกค้าและผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลและอ่านรายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับแคมเปญ PREMIERE DEAL สำหรับรถยนต์ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์  WWW.GWM.CO.TH หรือ GWM Application หรือ  Official Facebook Page : GWM Thailand และ HAVAL Thailand และสามารถติดต่อขอลงทะเบียนทดลองขับได้ที่ GWM Partner Store ทั่วประเทศ (ในเฟสแรก) ตามสาขาที่ท่านได้ทำการจองรถไว้ โดยเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถลงทะเบียนและทดลองขับได้ตั้งแต่วันที่ 8 -16 ตุลาคม 2565 และต่างจังหวัดตั้งแต่วันที่  18 ตุลาคม  2565 ถึง  7 พฤศจิกายน  2565

● เครื่องยนต์ 1.5L Turbo ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและเพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT ให้กำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุดถึง 530 นิวตันเมตร
● ให้โหมดการขับขี่สูงสุดถึง 8 โหมด รวมถึงโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้า 100% ที่วิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 201 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC
● ลองแล้ววิ่ง EV100% ได้ไกลเกิน 160 กม.
● สามารถเลือกระบบการขับขี่ได้ 2 ระบบ คือ ระบบไฮบริด และระบบไฟฟ้า แต่ละระบบมาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 แบบ ได้แก่ โหมดมาตรฐาน โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และโหมดสภาพถนนลื่น
● มิติตัวรถใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน กับขนาดมิติตัวรถ 1,886 x 4,683 x 1,730 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ระยะฐานล้อ 2,738 มม.
● ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง
● ระบบกันสะเทือนหลังแบบอิสระมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง

● แบตเตอรี่ ●
• แบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary ความจุ 34 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุด 201 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ (อ้างอิงผลการทดสอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามมาตรฐาน New European Driving Cycle (NEDC Standard)
• หัวชาร์จไฟฟ้าแบบ CCS Type 2 combo (Combined Charging System) รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) และการชาร์จแบบไฟบ้าน (AC)
• ระยะเวลาในการชาร์จ

  • การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0% – 80%) ประมาณ 35 นาที
  • การชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC (0% – 100%) ประมาณ 6 ชั่วโมง

*ระยะเวลาการชาร์จขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ และกำลังไฟของสถานีชาร์จนั้นๆ เป็นต้น

●Exterior Design●
• ใหม่ ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Star Matrix กระจังหน้าขนาดใหญ่สีโครเมียม
• ใหม่ ระบบประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ช่วยให้การเปิดประตูด้านท้ายรถในขณะถือสัมภาระง่ายยิ่งขึ้น
• ไฟหน้า Intelligent LED Headlamp มาพร้อมด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และไฟส่องนำทางหลังดับเครื่องยนต์ (Follow me home)
• ไฟท้าย LED Taillight Strip ดีไซน์เป็นแนวยาว ตอบโจทย์ทั้งแฟชั่นและฟังก์ชั่น มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ล้ำสมัยมองเห็นได้ชัดเจน เพื่อความปลอดภัย
• หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ 1.2 ตารางเมตร เปิดมุมมองใหม่ ให้เห็นโลกรอบตัวได้ถึง 360 องศา มาพร้อมกับสปอยเลอร์ท้าย และเสาอากาศแบบ shark fin ช่วยในเรื่องแอร์โรไดนามิค
• ล้ออัลลอยลายสปอร์ต ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางขนาด 235/55 R19 มอบภาพลักษณ์อันโฉบเฉี่ยว และการขับขี่ที่ไว้ใจได้ในทุกเส้นทาง
• สีรถภายนอก : มีทั้งหมด 5 สี (ขาว ดำ เทา น้ำเงิน แดง)
• สีรถภายใน : ทูโทน สีดำ-เทา

●Interior Design●
ตกแต่งด้วยวัสดุสี Rose Gold, Silver, Piano Black, Chrome ให้ความโมเดิร์นในสไตล์ Futuristic
• การเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3 ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและแม่นยำ
•หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบ HD Touch Screen Audio Display ความละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว เต็มอิ่มกับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP3, JOOX และ Navigator บอกตำแหน่ง Point of Interest ทั้งร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน และ ห้างสรรพสินค้า
• HD Multi Information Display ความละเอียดสูง ขนาด 10.25 นิ้ว
• Head Up Display หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า
• เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบระบายอากาศ สัมผัสนุ่มสบายด้วยเบาะหนังสังเคราะห์คุณภาพเยี่ยม ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังปรับด้วยระบบไฟฟ้า ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ
• เบาะนั่งโดยสารด้านหลัง พร้อมที่เท้าแขนกลาง อีกระดับของความสบายด้วยช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และช่องเสียบ USB
• พื้นที่ห้องโดยสารอเนกประสงค์ มากประโยชน์ใช้สอยด้วยห้องโดยสารและที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ เบาะนั่งโดยสารด้านหลังสามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 เพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5
• Wireless Charger แค่วางก็ชาร์จ Smart Phone ได้ง่ายๆ สะดวกและรวดเร็ว
• Ambient Light สวยงาม และช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร
• Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้า ดีไซน์หรู พร้อมสีพิเศษแบบ High gloss เท่ทุกจังหวะการขับขี่
• กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เปิดประตูพร้อมสตาร์ทเครื่องได้สะดวกและง่ายกว่า

ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย
All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมั้ยให้คุณและครอบครัวเดินทางอย่างปลอดภัยไร้กังวล
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็ว ที่ช่วยควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่
• ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเส้นบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
• ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ ในเส้นทางที่ถูกบันทึกไว้
• กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถจากมุมบน ระบบทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว 15 หรือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและตอนสตาร์ทรถ
• ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ช่วยตรวจจับรถยนต์ทั้งทางตรงและทางแยก เมื่อเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก
• ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอด เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
• ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว ในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน
• ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยแจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน
• ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน
• ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) ช่วยตรวจสอบรถในเลนที่ติดกัน
• ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
• ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ใช้เบรกเพื่อช่วยควบคุมความเร็วของรถขณะขับบนทางลาดชันเพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการบังคับพวงมาลัย
• ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง
• ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยงต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์
• ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
• ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) ช่วยประเมินและวิเคราะห์ลักษณะในการขับขี่ หากพบว่ามีลักษณะการขับขี่ที่เหนื่อยล้า หรือหลังจากขับรถด้วยความเร็วเกิน 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มากกว่า 4 ชั่วโมง ระบบจะแจ้งเตือนและแนะนำให้หยุดพัก